5 วิธีเช็คทองแท้ทองปลอม รู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อ!
ทุกวันนี้การซื้อทองสามารถทำได้ง่ายกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นทองรูปพรรณ ทองแท่ง หรือแม้แต่เครื่องประดับทองคำอื่น ๆ ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงไม่กี่คลิก แต่ในความสะดวกสบายนี้ ก็มีความเสี่ยงซ่อนอยู่เช่นกัน เนื่องจากมีทองคำปลอมระบาดอยู่ในตลาด ทำให้หลายคนอาจต้องเจอกับปัญหาถูกหลอกลวงจากผู้ขายที่ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อทอง คุณควรรู้จักวิธีตรวจสอบทองแท้ทองปลอม เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสินค้าที่มีมูลค่าตรงตามราคาที่จ่ายไป และนี่คือ 5 วิธีเช็คทองแท้ทองปลอม ที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้ไฟเผาหรือทำให้ทองเสียหาย

รู้จักประเภทของทองคำก่อนตรวจสอบ
ก่อนจะไปดูวิธีตรวจสอบทองแท้ทองปลอม สิ่งที่สำคัญคือการทำความเข้าใจกับประเภทของทองคำที่มีอยู่ในตลาด เพราะทองคำไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่แบ่งออกเป็นหลายเกรด ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- ทองคำแท้ (Gold 99.99% หรือ 96.5%)
ทองคำแท้ที่พบได้ในตลาดมีอยู่ 2 แบบ คือ ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% (24K) และทองคำ 96.5% (23K) ซึ่งเป็นมาตรฐานทองคำในประเทศไทย โดยทองคำแท้จะมีเนื้อสีเหลืองสุกปลั่งและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา - ทองคำเปอร์เซ็นต์ต่ำ (ทองผสม)
ทองคำประเภทนี้มักมีเปอร์เซ็นต์ทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน โดยผสมกับโลหะอื่น ๆ เช่น เงิน ทองแดง หรือสังกะสี เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน ทองประเภทนี้อาจมีราคาถูกกว่าทองแท้ และนิยมใช้ในงานจิวเวลรี่ที่ต้องการดีไซน์เฉพาะ - ทองคำปลอม
ทองปลอมมักผลิตจากโลหะที่มีสีคล้ายทอง หรือเป็นทองชุบที่มีเพียงชั้นบาง ๆ ของทองคำเคลือบอยู่เท่านั้น ทองประเภทนี้มักพบในสินค้าราคาถูก และมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ซื้อจะถูกหลอก

วิธีเช็คทองแท้ทองปลอมแบบง่าย ๆ
1. ตรวจสอบน้ำหนักและขนาดของทองคำ
หนึ่งในวิธีพื้นฐานที่ช่วยให้คุณแยกแยะทองแท้กับทองปลอมได้ คือการสังเกตขนาดและน้ำหนักของทอง โดยปกติทองคำแท้จะมีน้ำหนักที่แน่นอนตามมาตรฐาน เช่น
- ทองแท่ง 1 บาท (96.5%) มีน้ำหนักประมาณ 15.244 กรัม
- ทองรูปพรรณ 1 บาท (96.5%) มีน้ำหนักประมาณ 15.16 กรัม
หากทองที่คุณซื้อมีขนาดหรือความหนาผิดปกติ เช่น หนาเกินไปหรือบางเกินไป และน้ำหนักไม่ตรงกับมาตรฐาน ก็ควรตั้งข้อสงสัยว่าทองนั้นอาจเป็นของปลอม
2. ส่องแว่นขยายดูโลโก้และรหัสประทับบนทอง
ทองคำแท้ที่ผลิตจากร้านทองที่ได้มาตรฐาน จะมีตราประทับที่ชัดเจน บ่งบอกถึงเปอร์เซ็นต์ทองหรือชื่อร้านที่ผลิต เช่น
- “96.5%” หรือ “99.99%” เป็นสัญลักษณ์บอกความบริสุทธิ์ของทอง
- เครื่องหมายชื่อร้านทอง เช่น “ฮั่วเซ่งเฮง”, “แม่ทองสุก” เป็นต้น
หากใช้แว่นขยายส่องแล้วไม่พบตราประทับ หรือพบว่าตัวอักษรเบลอ ไม่ชัดเจน มีร่องรอยการแกะสลักที่ไม่สม่ำเสมอ อาจเป็นไปได้ว่านั่นคือทองปลอม
3. ทดสอบด้วยกรดไนตริก (Nitric Acid Test)
กรดไนตริกเป็นสารเคมีที่สามารถใช้ตรวจสอบทองคำได้โดยตรง วิธีนี้มักใช้ในร้านทองหรือผู้เชี่ยวชาญ โดยหากนำกรดไนตริกหยดลงบนทอง
- ทองคำแท้ จะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
- ทองคำปลอม อาจเกิดฟองฟู่หรือเปลี่ยนสีเป็นเขียว ดำ หรือหลอมละลาย
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับทองคำ จึงควรใช้กับทองที่ต้องการตรวจสอบอย่างจริงจัง และทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
4. ใช้แม่เหล็กทดสอบทองปลอม
ทองคำบริสุทธิ์ไม่มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก ดังนั้น หากใช้แม่เหล็กดูดแล้วทองมีการเคลื่อนที่หรือดูดติดแม่เหล็ก ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าเป็นทองแท้ทองปลอมที่มีส่วนผสมของโลหะอื่น ๆ
วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและไม่ทำให้ทองเสียหาย แต่ก็อาจไม่ได้แม่นยำ 100% เพราะทองคำผสมบางชนิดอาจมีคุณสมบัติที่ไม่ถูกแม่เหล็กดูดเช่นกัน
5. ทดสอบด้วยการกัดหรือขูด
ทองคำแท้มีความนุ่มกว่าทองปลอม หากใช้ฟันกัดเบา ๆ แล้วเกิดรอยบุ๋มเล็ก ๆ ก็มีแนวโน้มว่าเป็นทองแท้ แต่หากไม่มีรอยใด ๆ หรือแข็งจนกัดไม่เข้า ก็อาจเป็นทองปลอม หรือทองที่มีโลหะอื่นเจือปนในปริมาณมาก นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้แผ่นเซรามิกขูดทองเบา ๆ หากเป็นทองแท้จะทิ้งรอยสีทองไว้ แต่ถ้าเป็นทองปลอมจะเห็นเป็นรอยดำหรือเทา

สรุป วิธีเช็คทองแท้ทองปลอมที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
การซื้อทองเป็นการลงทุนที่ต้องใช้ความรอบคอบสูง เพราะมีความเสี่ยงจากทองคำปลอมที่อาจปะปนอยู่ในตลาด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อทอง คุณควรใช้ 5 วิธีเช็คทองแท้ทองปลอม ข้างต้น ได้แก่
- ตรวจสอบน้ำหนักและขนาด ให้ตรงกับมาตรฐานทองคำ
- ส่องแว่นขยายดูโลโก้และรหัสประทับ ตรวจสอบว่ามีการตอกตราที่ถูกต้องหรือไม่
- ใช้กรดไนตริกทดสอบ เพื่อดูปฏิกิริยาต่อสารเคมี
- ทดสอบด้วยแม่เหล็ก เพื่อแยกทองแท้ออกจากทองที่มีโลหะอื่นผสม
- กัดหรือขูดทอง เพื่อตรวจสอบลักษณะเนื้อทองแท้
นอกจากนี้ คุณควรซื้อทองจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองจากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง หวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อทองแท้ได้อย่างมั่นใจ และไม่ต้องเสี่ยงกับการเสียเงินโดยไม่จำเป็น!