ดัชนีดาวโจนส์ คืออะไร? ทำความเข้าใจดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐ

ดาวโจนส์

ดัชนี ดาวโจนส์ (The Dow Jones Industrial Average; DJIA) ดัชนีตลาดหุ้นตราสารทุนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา รองจาก DJTA (Dow Jones Industrial Average) โดย DJIA ถูกใช้เป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและภาพรวมเศรษฐกิจโลก ณ เวลานั้น

โดยคำนวณจากราคา “หุ้นบลูชิป (Bluechip)” ขนาดใหญ่ 30 ตัวจากบริษัทชั้นนำที่มีบทบาททางเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องเป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และตลาดแนสแด็ก (NASDAQ) โดยมีเป้าหมายเพื่ออ้างอิงสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ดาวโจนส์วันนี้ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนี

ดัชนีหุ้น ดาวโจนส์ มักผันผวนตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงดัชนีเป็นเรื่องจำเป็นที่นักลงทุนต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่เสมอ

  •  อัตราการแลกเปลี่ยนเงิน USD

อัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องเฝ้าติดตามข่าวสารตลอดเวลา เพราะมันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง DJIA โดยตรง เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายนอกสูง บริษัทมีแนวโน้มได้กำไรจากการขนส่ง ในทางตรงกันข้าม หากค่าเงินดอลลาร์แข็งตัว ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากราคาต้นทุนที่สูงกว่า บริษัทได้กำไรลดลง

  • สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

DJIA นอกจากจะเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังบ่งชี้สภาพเศรษฐกิจโลกได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ดุลการค้าภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อ (CPI) อัตราการว่างงานของคนในประเทศ รวมถึงภาพรวม GDP ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผันแปรของดัชนี ดาวโจนส์ โดยตรง

  • เหตุการณ์การเมืองในประเทศ

สถานการณ์การเมืองภายในประเทศส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ความไม่สงบทางการเมืองบ่งชี้ถึงเสถียรภาพ ความมั่นคง และความไม่ปลอดภัยทางการเงิน

นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง นโยบายการเงิน ผลประกอบการของภาคธุรกิจ ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

มีการคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตว่าอาจจะพุ่งสูงถึง 40,000 จุด เนื่องจากปัจจัยเรื่องของความแข็งแกร่งของหุ้นภาคเทคโนโลยี ตลอดจนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ดังนั้น นักลงทุนควรหมั่นติดตามสถานการณ์โลกที่เป็นปัจจัยส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงดัชนีหุ้น รวมถึงการใช้ Fibonacci Retracement เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์การซื้อ-ขายที่เหมาะสม

วิธีการลงทุนในดัชนีดาวโจนส์สำหรับมือใหม่

ดัชนี ดาวโจนส์ เป็นที่จับตามองจากเหล่านักลงทุนมืออาชีพและนักลงทุนหน้าใหม่ที่กำลังมองหาการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ดังนั้น หากใครเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจอยากลงทุนในหุ้นประเภทนี้ ลองเริ่มต้น 3 ขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยให้คุณเข้าใจง่ายขึ้น พร้อมทำความเข้าใจข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

1.ทำความเข้าใจพื้นฐานของการลงทุนและการลงทุนในดาวโจนส์

หากคุณเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพอยู่แล้วคงจะข้ามข้อนี้ไปได้เลย แต่สำหรับใครที่อยู่ในสถานะมือใหม่หัดเทรดอย่าข้ามเด็ดข้าม ก่อนที่จะลงทุนกับอะไรสักอย่าง การศึกษาทำความเข้าใจพื้นฐานการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะต้องศึกษาการลงทุนของหุ้นแต่ละประเภทว่าเป็นอย่างไร หากสนใจลงทุน ดาวโจนส์ แน่นอนว่าต้องเข้าใจวิธีการของมัน ตลอดจนศึกษาดัชนีรวมของ 30 บริษัทชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เช่น Nike , Disney , IBM , Apple เป็นต้น

2.กำหนดระยะเวลา เป้าหมาย และประเมินความเสี่ยง

การลงทุนในดัชนีหุ้นตัวนี้มีทั้งการลงทุนระยะสั้น โดยหวังกำไรสูงๆ ในเวลารวดเร็ว อีกทางคือการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ ควรวางแผนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับจุดประสงค์ของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงอยู่เสมอ

3.การเลือกโบรกเกอร์

ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีความเป็นมืออาชีพ มีทีมงานพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษา การเงินมั่นคง เครดิตดีน่าเชื่อถือ มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพและบริการครบวงจร ตลอดจนค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผล

ข้อดีของการลงทุนในดัชนีดาวนโจนส์

  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่ำ
  • สร้างผลตอบแทนในระยะยาว เนื่องจากเป็นการลงทุนในบริษัทชั้นนำที่มีประวัติยาวนาน และมีเสถียรภาพทางการเงินสูง
  • การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงได้ดี
  • ได้ผลตอบแทนทั้งจากเงินปันผลที่จ่ายต่อเรื่องและมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มขึ้น 4

แน่นอนทุกการลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นจากการลงทุนในดัชนีตัวนี้มีหลายสาเหตุ อาทิเช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ความไม่มั่นคงทางการเมือง การปรับตัวที่ล่าช้าของบริษัทที่มีจำกัดในอุตสาหกรรมโลก เป็นต้น

ดัชนีดาวโจนส์

การวิเคราะห์กราฟดาวโจนส์เพื่อวางแผนการลงทุน

โดยปกติแล้วการวางแผนว่าจะลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวจะวิเคราะห์จากกราฟ ดาวโจนส์ โดยคำนวณจากราคาปิดของดัชนีในช่วงระยะเวลานั้นๆ แล้วนำมาหารด้วยผลรวมของจำนวนวัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่การลงทุนระยะสั้นมักจะหาค่าเฉลี่ยแบบรายวัน เช่น 20 วัน 50 วัน และ 100 วัน ในขณะที่การลงทุนระยะยาวมักจะหาค่าเฉลี่ย 100 วัน และแบบ 200 วัน เพื่อประเมินโอกาสได้กำไร-ขาดทุน

ประวัติและความเป็นมาของดัชนีดาวโจนส์

ดัชนี ดาวโจนส์ หรือ DJIA ถือว่าเป็นดัชนีหุ้นที่มีความสำคัญรองจาก DJTA ซึ่งถูกคิดค้นโดย “ชาร์ลส์ ดาวโจนส์” และ “เอ็ดเวิร์ด โจนส์” สองหุ้นส่วนที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Wall Street Journey

ในช่วงแรกมีดัชนีหุ้นแค่ 12 บริษัทที่มีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เช่น น้ำมัน น้ำตาล ยาสูบ ฝ้าย ก่อนที่จะขยายมาเป็น 30 บริษัทในปี 1928 หรือที่เรียกกันว่า DJI30 โดยในช่วงเวลากว่า 100 ปีที่ผ่านมา มีการสลับสับเปลี่ยนโฉมหน้าทั้ง 30 บริษัทหลายครั้ง

ด้วยความที่ดัชนี ดาวโจนส์ อยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐถึง 30 แห่ง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขึ้นลงของดัชนีไม่เพียงแต่สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจอเมริกาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีบทบาทต่อตลาดการเงินโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หุ้นสำคัญในดัชนีดาวโจนส์ที่นักลงทุนควรรู้จัก

รู้จักกับหุ้นสำคัญในดัชนี ดาวโจนส์ ที่นักลงทุนควรรู้จัก เช่น Amazon.com Inc , Apple Inc , Boeing Co , Coca-Cola Co , Johnson & Johnson , Nike Inc , Walmart Inc , Walt Disney Co นักลงทุนสามารถติดตามพร้อมอัปเดตข้อมูลได้จากทางเว็บไซต์เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนที่น่าเชื่อถือ ในขณะเดียวกัน ควรติดตามข่าวเศรษฐกิจและการเงินโลก และติดตามความเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์จาก ETF เช่น DIA

คำแนะนำในการติดตามดาวโจนส์วันนี้ เพื่อการตัดสินใจลงทุน

สำหรับนักลงทุนนั้นการติดตามข่าวสารเป็นเรื่องสำคัญมากสุดเลยก็ว่าได้ การเลือกเว็บไซต์ที่เป็นทั้งแหล่งข้อมูลข่าวสารการลงทุนและการเงินโลก เว็บไซต์ที่อัปเดตข่าวเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ ซึ่งเราขอยกตัวอย่าง 3 เว็บไซต์ที่นักลงทุนที่น่าเชื่อถือ มีดังนี้

  • The Wall Street Journal: เว็บไซต์ของสำนักข่าวเก่าแก่ที่รวมข้อมูลและข่าวสารเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐ
  • MarketWatch: เว็บไซต์ที่มีทั้งบทความวิเคราะห์ กราฟราคา และการนำเสนอข้อมูลของบริษัทในดัชนีหุ้นตัวนี้
  • Investing.com: ค้นหาเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกับข่าวสารหุ้นทั่วโลก รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่นำเสนอเพื่อนักลงทุนโดยเฉพาะ

ดาวโจนส์กับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ด้วยความที่บริษัททั้ง 30 แห่งในดัชนี ดาวโจนส์ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญทั้งในภาคส่วนเทคโนโลยี ภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริการ สินค้าอุปโภค-บริโภค ซึ่งมีบทบาทในหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องอาศัยการค้าระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน DJIA ยังสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของ GDP อัตราการจ้างงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของอีกหลายประเทศโดยตรง 

คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับดัชนีดาวโจนส์

ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในดัชนีหุ้นประเภท อีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนควรศึกษานั่นก็คือคำศัพท์ทางเทคนิคที่ใช้ในวงการลงทุน มีดังนี้

  • Blue Chip: หุ้นบลูชิพหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง มีประวัติและชื่อเสียงยาวนาน
  • DJI: กราฟดัชนีค่าเฉลี่ยดาวโจนส์แบบเรียลไทม์
  • VIX: ดัชนีความผันผวนที่บ่งชี้อัตราขึ้น-ลงในตลาดหุ้น
  • Dividend: เงินปันผลที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุน
  • Bull Market: ช่วงเวลาขาขึ้นของดัชนีหุ้น
  • Bear Market: ช่วงเวลาขาลงของดัชนีหุ้น
  • Market Price: ราคาตลาด

สรุปแนวโน้มดาวโจนส์ปีนี้

จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญที่คาดการณ์เอาไว้ว่าแนวโน้ม ดาวโจนส์ ในเดือนพฤศจิกายน 2024 มูลค่าต่ำสุดคือ 41093 ขณะที่มูลค่าสูงสุดอาจพุ่งถึง 48991 ส่วนเดือนธันวาคม 2024 มีการคาดการณ์มูลค่าต่ำสุดคือ 41487 มูลค่าสูงสุด 48768 ซึ่งปัจจัยที่นักวิเคราะห์จับตามองในปีนี้คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประกาศนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *